ประวัตของSalvador Dali
วัยเด็ก
ซัลวาดอร์ ดาลี เกิดเมื่อปี 1904 ที่ฟิเกอรัส ในประเทศสเปน ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ชีวิตในโลกที่ไม่เป็นจริงมาตั้งแต่เป็นเด็ก พี่ชายของเขาเสียชีวิตก่อนที่ซัลวาดอร์จะเกิด 9 เดือน พ่อของเขา ซัลวาดอร์ ดาลี ซีเนียร์ เชื่อว่าเขาคือพี่ชายที่กลับมาเกิดใหม่ และพยายามทำให้เขาเชื่อตลอดมา เขาถูกพาไปที่หลุมศพของพี่ชายและได้รับการปฏิบัติราวกับราชาที่บ้านด้วยความ เชื่อดังกล่าว และพวกเขากลัวจะสูญเสียบุตรชาย (ที่อุตส่าห์กลับมาเกิดใหม่) เป็นครั้งที่สอง
เขาเริ่มรู้ตัวว่ามีความสามารถทางด้านศิลปะตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ครั้งหนึ่งเขาไปเยี่ยมครอบครัว ปิชอต ที่เป็นศิลปินกันทั้งบ้าน โดย รามอน ปิชอต เป็นจิตรกร ส่วน ริคาร์ด ปิชอต เป็นนักเชลโล คนในครอบครัวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอย่างสูง กระทั่งภายหลังเขามีภาพเขียน ชื่อ Three Young Surrealists Women ออกมา
ในวัยเด็กเขาเริ่มต้นจากการวาดรูปทิวทัศน์ที่สวยงามในแคว้นคาตาลัน อันเป็นบ้านเกิด ภาพเหล่านี้ยังแสดงออกถึงความผูกพันกับถิ่นเกิด รวมทั้งครอบครัวของ ซัลวาดอร์ ดาลี
เขาศึกษาศิลปะกับอาจารย์ชื่อ ฆวน นูเยส ที่โรงเรียนมัลติเพิ่ล ดรออิง พื้นฐานของเขาดีมากแถมยังได้รับการสนับสนุนจากบิดาในการจัดนิทรรศการเดี่ยว ภาพดรออิงให้ซัลวาดอร์ที่บ้านของตัวเองอีกด้วย แม้จะเป็นนิทรรศการเล็กๆ แต่ก็พอที่จะทำให้ทุกคนต้องตื่นตะลึงกับความสามารถของเด็กน้อย
มารดาของซัลวาดอร์เสียชีวิตในปี 1921 ขณะนั้นเขาเรียกตัวเองว่า ศิลปินอิมเพรสชัน และยังคงได้แรงบันดาลใจจาก รามอน ปิชอต ในการเขียนภาพทิวทัศน์แห่งคาตาลัน บิดาของเขาสมรสครั้งใหม่กับน้องสาวมารดาเขาเองในเวลาไม่ช้า ในขณะที่ซัลวาดอร์เริ่มมีปัญหากับบุคลิกภาพของตัวเองขณะที่กำลังจะก้าวจาก วัยรุ่นไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ด้วยความที่เขาเริ่มจะไม่สนิทสนมกับบิดาและครอบครัวอีกต่อไป โดยเขาย้ายมาศึกษาต่อทางด้านศิลปะในกรุงมาดริด
ที่หอพักนักศึกษา ซัลวาดอร์ ในวัย 18 ได้เจอกับเพื่อนมากมายและกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญในกลุ่มหัวกะทิ กลุ่มของเขามีคนดังๆ อย่าง หลุยส์ บุนเนล (ภายหลังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง) และ เฟรเดอริโก การ์เซีย ลอร์กา (ภายหลังเป็นกวีชื่อดัง) ทั้ง 2 คนนิยมในแนวคิดแบบปัจเจกและมีอิทธิพลต่อความคิดและงานของซัลวาดอร์มากมาย
ปูทางสู่เซอร์เรียลลิสม์
ในขณะที่เพื่อนร่วมสถาบันยังคงยึดมั่นในแนวทางของอิมเพรสชันนิสม์อยู่ ซัลวาดอร์ ดาลี เริ่มทดลองแนวทางแบบคิวบิสม์ ในปี 1923 เวลาทำงานเขามักจะขังตัวอยู่เพียงลำพังในห้อง ไม่ยอมสมาคมกับใครจนกว่างานจะเสร็จ ว่ากันว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่บุกเบิกศิลปะแนวฟิวเจอริสม์ อันเป็นช่วงรอยต่อระหว่างคิวบิสม์ไปสู่เซอร์เรียลลิสม์ และเขาก็กลายเป็นศิลปินรุ่นเยาว์ในกลุ่มอาวองต์-การด์ไปโดยปริยาย
เขาถูกไล่ออกจากสถาบันศิลปะ เนื่องเพราะปฏิเสธที่จะเข้าสอบของการสอบปากเปล่า เมื่อบอกอาจารย์ว่า โปรเจ็กต์สำหรับจบการศึกษาของเขาจะเกี่ยวกับ Raphael กระนั้น เขาก็ไม่สนใจใบปริญญาแต่อย่างใด
ในปี 1928 ซัลวาดอร์ ได้พบกับ ปาโบล ปิกัสโซ ซึ่งส่งอิทธิพลอย่างสูงต่อผลงานของเขา รวมทั้งการหันไปสนใจแนวทางเซอร์เรียลลิสม์อย่างจริงจัง ปีเดียวกันนี้เองที่ผลงานของเขาได้รับการนำไปจัดแสดงยังต่างประเทศ โดยภาพวาดสีน้ำมัน Basket of Bread ได้ไปอวดผู้คนที่คาร์เนกี อินเตอร์เนชันแนล เอ็กซ์โพสิชัน ในพิตต์สเบอร์ก เพนซิลวาเนีย ร่วมกับผลงานแนวเรียลลิสม์อื่นๆ จากทั่วโลก
ยุคเซอร์เรียลลิสม์เต็มตัว
ทว่า เขาไม่อาจจะอยู่อย่างไม่มีรายได้ในกรุงปารีส ซัลวาดอร์กับกาล่าจึงย้ายไปอยู่ในชนบทอย่างสันโดษเพียง 2 คน เขาสร้างงานศิลปะเพื่อที่จะดำรงชีพอยู่ได้ โดยจัดแสดงงานเพื่อที่จะขายรูปและนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ทว่า วิญญาณเซอร์เรียลลิสม์ในตัวของเขาทวีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งจัดนิทรรศการครั้งถัดไปๆ ก็ยิ่งจะมีความเป็นเซอร์เรียลลิสม์มากขึ้น ในที่สุดซัลวาดอร์ก็ไม่อาจจะกักเก็บความรู้สึกต้องการแสดงออกทางด้าน เซอร์เรียลลิสม์อย่างแรงกล้าที่อยู่ในใจของเขาได้ แม้ว่าเขาจะลาออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มเซอร์เรียลลิสม์ในกรุงปารีสมานาน แล้วก็ตาม
http://wlanru.blogspot.com/







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น